ท่านที่ขึ้นลงทางด่วนบ่อยๆ คงเคยเห็นป้ายโฆษณานี้ "ผลวิจัย ม.มหิดล รังนกสำเร็จรูปชื่อดัง ใส่รังนกแท้แค่ 1% เศษ"
![]() |
เครื่องดื่มรังนก |
จากกรณีที่นายเธียร ลิ้มธนากุล กรรมการผู้จัดการบริษัทผู้ผลิตสื่อโฆษณา ที่ทนไม่ได้กับพฤติกรรมหลอกลวงผู้บริโภคของเหล่าบริษัทเครื่องดื่มรังนกสกัดทั้งหลาย ด้วยการลงทุนทำป้ายโฆษณา และยอมเสียค่าโฆษณาบนทางด่วนเองทั้งหมด เพื่อบอกให้ผู้บริโภคทั้งหลายได้รู้ว่า แท้จริงแล้ว เครื่องดื่มรังนกนั้นไม่ได้มีคุณค่าตามที่โฆษณาแต่อย่างใด ซึ่งหมายถึงการโฆษณาสินค้าอวดอ้างเกินความจริง (แต่ก็ยังผ่านอ.ย. และปล่อยให้โฆษณาหลอกลวงชาวบ้าน)
และหลังจากที่นายเธียร ลิ้มธนากุลได้ทำการโฆษณา เพื่อเปิดเผยความจริงแล้ว นายเธียร ลิ้มธนากุลเองก็ได้รับผลกระทบในธุรกิจของตนหลายด้านเนื่องจากมีบริษัทเจ้าของเครื่องดื่มรังนกรายหนึ่งเกิดความไม่พอใจ ได้ทำหนังสือเวียนไปยังบริษัทต่างๆ เพื่อไม่ให้ว่าจ้างบริษัทของนายเธียร ลิ้มธนากุลทำโฆษณา (บริษัทเครื่องดื่มรังนกที่ยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีชื่ออะไร จะนำมาเปิดเผยให้ทราบอีกที) นอกจากนี้สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวหาว่านายเธียร ลิ้มธนากุลกระทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพโฆษณา (แสดงว่าวิชาชีพนี้ไม่ต้องคำนึงถึงความถูกผิด และไม่ต้องคำนึงถึงผู้บริโภค คำนึงถึงคนจ่ายตังค์เท่านั้น - ผู้อ่านว่าถูกหรือเปล่าแบบนี้)
และหลังจากที่นายเธียร ลิ้มธนากุลได้ทำการโฆษณา เพื่อเปิดเผยความจริงแล้ว นายเธียร ลิ้มธนากุลเองก็ได้รับผลกระทบในธุรกิจของตนหลายด้านเนื่องจากมีบริษัทเจ้าของเครื่องดื่มรังนกรายหนึ่งเกิดความไม่พอใจ ได้ทำหนังสือเวียนไปยังบริษัทต่างๆ เพื่อไม่ให้ว่าจ้างบริษัทของนายเธียร ลิ้มธนากุลทำโฆษณา (บริษัทเครื่องดื่มรังนกที่ยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีชื่ออะไร จะนำมาเปิดเผยให้ทราบอีกที) นอกจากนี้สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวหาว่านายเธียร ลิ้มธนากุลกระทำผิดจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพโฆษณา (แสดงว่าวิชาชีพนี้ไม่ต้องคำนึงถึงความถูกผิด และไม่ต้องคำนึงถึงผู้บริโภค คำนึงถึงคนจ่ายตังค์เท่านั้น - ผู้อ่านว่าถูกหรือเปล่าแบบนี้)
นายเธียรเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะทำไปเพื่อเตือนผู้บริโภค ไม่มีเจตนาลดความน่าเชื่อถือธุรกิจรังนก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เมื่อมูลนิธิรับเรื่องไว้ จึงดำเนินการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์รังนกสำเร็จรูปที่วางจำหน่ายทั่วไปในตลาดจำนวน 4 ตราสินค้าพบว่า ข้อความที่นายเธียรได้นำเสนอบนป้ายโฆษณาเป็นข้อมูลจริงที่ปรากฏชัดเจน จากฉลากของผลิตภัณฑ์รังนก
ซึ่งจากการตรวจสอบส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรังนกจำนวน 4 ตราสินค้า ประกอบด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบส่วนประกอบผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรังนกจำนวน 4 ตราสินค้า ประกอบด้วย
1.แบรนด์
2.สก๊อต
3.เบซซ์ และ
4.เอฟแอนด์เอ็น โกลด์
พบว่า 3 ใน 4 ตราสินค้ามีรังนกแห้งเป็นส่วนประกอบแค่ 1% เศษจริง โดยมีตราสินค้าเดียว คือ เอฟแอนด์เอ็น โกลด์ ที่มีรังนกแห้งเป็นส่วนประกอบ 0.16% ดังนั้นมูลนิธิจึงมีมติให้กำลังใจนายเธียรในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคผ่านสื่อโฆษณาของตนต่อไป และพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อสู้คดีในกรณีที่ถูกฟ้องร้องจากบริษัทผู้ประกอบ การบริษัทผลิตรังนกสำเร็จรูป
"ขณะนี้มูลนิธิได้ทำหนังสือถึงสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยเพื่อแสดงจุดยืน ว่าข้อความบนป้ายโฆษณานี้ไม่เข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ เพราะไม่ได้ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด แต่ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจในสาระสำคัญของสินค้ามากกว่า นอกจากนี้ จะส่งหนังสือไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อเรียกร้องให้ทบทวนการอนุญาตให้ใช้ข้อความบนฉลากที่อาจก่อให้เกิดความ สับสน เช่น อนุญาตให้ใช้คำว่า รังนกแท้ 100% ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดหรือคาดหวังสัดส่วนเนื้อรังนกในปริมาณที่สูงมากกว่า ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คือ แค่ 1% เศษ อีกทั้งควรยกเลิกการให้โฆษณาบนฉลากอาหาร โดยเสนอให้ อย.ปรับปรุงระบบฉลากอาหารให้เป็นมิตรต่อผู้บริโภค" นางสารี อ๋องสมหวัง ซึ่งเป็นเลขามูลนิธิฯกล่าว
สำหรับเราในฐานะผู้บริโภคคงได้แต่รอดูกันต่อไปว่า ความเป็นธรรมสำหรับนายเธียร ลิ้มธนากุล จะมีหรือไม่อย่างไร แต่ที่แน่ๆคือ อย. ต้องรับผิดชอบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ปล่อยให้บริษัทเครื่องดื่มรังนกเหล่านั้น ออกมาโฆษณาหลวงลวง โอ้อวดเกินความเป็นจริง ทำให้ผู้บริโภคหลงเชื่อเสียเงินเสียทองซื้อไปโดยที่ไม่คุ้มกับเงินทองที่เสียไป อย่าทำให้ประชาชนสงสัยไปมากกว่านี้เลย อย.
ขอบคุณแหล่งข่าวไทยโพสต์